ย้อนหลังกลับไปสมัยที่ผลิตภัณฑ์ Sony ยังครองตลาดอยู่…หลายคนตอนนั้นอาจจะเห็นอะไรๆก็เป็น Sony ไปหมดไม่ว่าจะเป็น TV, Camera, Walkman, Portable devices อื่นๆอีกมากมาย…..แต่ถ้ามาถามคำถามนี้กับคนรุ่น Gen-Y ว่าเค้ารู้จักอะไรบ้างที่เป็นของ Sony …??? เราอาจจะต้องแปลกใจกับคำตอบต่างๆของ Gen-Y นี้…ส่วนมากจะรู้จักจากเกมล์มั่ง…TV บ้าง…ถามว่าทำไม..?? ก็เค้าเห็นอะไร…สัมผัสอะไรเค้าก็….มีประสบการณ์กับ Brand นั้น..แค่ที่เค้าใช้เท่านั้นน่ะซิ……แสดงว่า Products ของ Sony เริ่มหายไปจากตลาดรึเปล่า ??? ….ประเด็นอยู่ที่นี่ละคร้าบ…!!!
ที่พูดมานั้นน่ะ..>> อีกบริษัทนึงอย่าง Apple เค้าคิดต่างกันครับเค้าทำการบ้านมาดี…ลองคิดดูดีๆซิคร้าบมีกี่ครั้งกันเชียวเท่าที่เราจำความได้…ที่ Global Brands ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดไปเกือบหมดใน Sectors นั้นๆจะโดนแย่งลูกค้าชั้นดีไปบ้าง…ใช่คร้าบ…ไม่บ่อยเลย…..สังเกตุไหมคร้าบว่า Apple นี่ไม่ได้ล้มยักษ์อย่าง Sony อย่างเดียวนะคร้าบ…ลองดู ใน Sector Telecom นี่ เจ้า RIM ของ Blackberry ก็โดนด้วย…ยิ่งคุณปู่ Nokia ด้วยล่ะไม่ต้องพูดถึง….คงจะงง ??? ไม่น้อยที่วันนึงมีคนมาเอา Cake ชิ้นใหญ่ไป…แบบว่าโดน take top of the cream ไปหมด…555
ถามว่าทำไม…?? เป็นเพราะ Apple เจ๋งจริง ? หรือ Sony พลาดท่า? …ความเห็นส่วนตัวคงต้องบอกคร้าบว่าทั้งสองอย่าง….แต่เริ่มจากที่ Apple เห็นจุดอ่อนของ Brand อย่าง Sony ดีแล้วเตรียม Positioning ของ Apple เองอย่างถูกต้องและเป็นที่ต้องการของตลาด…..ซึ่งจุดนี้ก็เป็นจุดอ่อนของบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยประสบความสำเร็จทั่วโลกที่ มีวิธีคิดแบบ “พายเรือถอยหลัง”
อย่างที่โฮเวิร์ด สตริงเกอร์ (Howard Stringer) ซีอีโอชาวเวลส์ของโซนี่ ขึ้นกล่าวปาถกฐาที่งานสัมมนาฉลองครบ 100 ปีของ IBM เขาพูดถึง “บทเรียน” จากโซนี่ ในฐานะมหาอำนาจแห่งยุคแอนะล็อกที่เริ่มปรับตัวไม่ทันยุคดิจิทัล สตริงเกอร์บอกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยประสบความสำเร็จ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีวิธีคิดแบบ “พายเรือถอยหลัง” (rowboat mentality) นั่นคือ “องค์กรทำงานหนักเพื่อก้าวไปข้างหน้า แต่คุณก็หันไปหาความสำเร็จที่ผ่านมาแล้วในอดีตตลอดเวลา”….อืมประเด็นนี่น่าคิดนะคร้าบ…!! เขาบอกว่าบริษัทที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต มักจะหวนไปนึกถึงความสำเร็จนั้นเสมอ ถึงแม้จะต้องสร้างความสำเร็จใหม่เพื่ออนาคตที่กำลังจะมาถึงก็ตาม และโซนี่ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น
เค้ายอมรับว่าโซนี่ที่เคยเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกแอนะล็อก มีผลิตภัณฑ์ยอดฮิตอย่างเครื่องฟังเพลงพกพาตัวแรกของโลก Walkman ปรับตัวเข้าหายุคดิจิทัลได้ช้าเกินไป และเปิดโอกาสให้คู่แข่งอย่างแอปเปิลแซงหน้าไปได้ สตริงเกอร์บอกว่า “โซนี่รู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบายมากที่จะอยู่ในยุคแอนะล็อก แต่วันหนึ่งกลับต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อต่อสู้ในยุคดิจิทัล ก็เลยมีปัญหา ต้องรับภาระหนักหน่วงในการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ยุคสมัยใหม่ ต้องปรับโครงสร้างองค์กรหลายอย่าง รวมถึงออกจากธุรกิจเก่าๆ ที่เคยประสบความสำเร็จอย่าง Walkman ด้วย”
ถึงแม้โซนี่ในยุคหลังจะเข้มแข็งกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาได้เต็มร้อยคร้าบ เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่รุมเร้า รวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว-สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้การฟื้นตัวของโซนี่ยังต้องใช้เวลา…!! ประเด็นนี้นำไปสู่การที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่นออกมายอมรับความพ่ายแพ้กรณีโซนี่เมื่อปี 2006…. หลังถูกไอพ็อดและไอจูนส์ถล่มยอดขายกระจุยคาแดนปลาดิบ สิ้นลายผู้นำวงการเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลของโลกภายใต้โลโก้ยี่ห้อวอล์กแมนที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูง……ไม่บ่อยนะคร้าบที่ Brand จากมะกันนี่จะกลับมาชนะพี่ยุ่นปี่เราได้แบบถล่มทลายหมดท่าแบบนี้….ดูกันยาวๆคร้าบว่าจะมีProduct อะไรไหมจากฝั่งพี่ยุ่นปี่เรา….กลับไปล้ม Apple คืนได้บ้าง….!!555
Kumpol [Sep-2011]
Kumpol [Sep-2011]
No comments:
Post a Comment