Sunday, August 7, 2011

สุลต่านในฮาเร็ม Credit: ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

 หลังหุ้นบ้านเราลงแรงตามตลาดต่างประเทศ..ไม่แปลกคร้าบที่คนส่วนใหญ่จะมองในแง่ลบ.!!  ยิ่ง.S&P มา downgrade อเมริกาด้วยแล้ว..หุหุ,..อย่างที่เขียนไปก่อนหน้านี้,..หนังชีวิตคร้าบ...!!  แบบว่ายาวๆๆอยู่ซักพักนึง....กว่าฝั่ง US กะ Europe จะหายมึน..;วันนี้เลยขอนำบทความของ  ดร.นิเวศน์ สำหรับคนที่พลาดไปยังไม่ได้อ่าน...เรื่องการเลือกหุ้นไว้ในการครอบครองเปรียบเทียบการเลือก หุ้นกับสาวงามในฮาเร็ม... บทความนี้น่าติดตามคร้าบ..!! เอาไว้ใช้กับสถานการณ์ตอนนี้ว่าในวิกฤตมีโอกาสเสมอคร้าบ..ในทาง technical มีดยังไม่ถึงพื้นอย่าเพิ่งเอามือไปรับ..แต่ถ้าเล่น fundamental แล้วยาวไป..พวกนี้เค้ารู้ดีคร้าบว่าหุ้นตกหนักๆแบบว่า panic sale นี่ต้องทำยังไง...555

เริ่มเลยคร้าบ....ลองจินตนาการดูว่าจะมีความสุขแค่ไหนถ้าเราเป็นสุลต่านที่มีความมั่งคั่งและอำนาจเด็ดขาดที่สามารถสั่งการเรื่องใดก็ได้ในอาณาจักรของตนเองทุกเช้าเวลาสิบโมงตรง  หญิงงาม 500 คน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามจะถูกบัญชาให้เดินเรียงแถวเข้าเสนอตัวให้สุลต่านคัดเลือก เพื่อให้เป็นนางบำเรอหรือเป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้วแต่ที่สุลต่านจะต้องการสาวงามแต่ละคนต่างก็อวดโฉมและเสนอตัวด้วยมารยาต่างๆ  เพื่อหวังจะได้รับเลือกให้เป็นคู่ของสุลต่าน  การได้รับเลือกเป็นความฝันสูงสุดของทุกคน   สุลต่านเองก็มีประวัติและข้อมูลเฉพาะตัวเกี่ยวกับหญิงสาว เช่น  อายุ ความสูง  ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย  รวมถึงอุปนิสัยและความสามารถต่างๆ   อย่างไรก็ตาม  ด้วยจำนวนสาวงามที่มากมาย  ดูเหมือนว่าการเลือกสาวดูเหมือนจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย  คำถาม ก็คือ  จะเลือกไว้สักกี่คน  และจะเลือกคนไหน  ที่จะทำให้เกิดความสุขสูงสุด
 
 ถ้าเป็นสุลต่านที่กำลังมีความกำหนัดสูงและไม่ทันได้คิดถึงอนาคตที่ตามมา  พระองค์ก็จะรีบที่จะเลือกสาวตั้งแต่คนต้นๆ   สาวที่พระองค์คิดว่ามีความงดงามหรือมีจริตกิริยาน่ารักน่าใคร่ก็จะถูกเลือกไว้อย่างรวดเร็ว  ในไม่ช้าและก่อนที่จะถึงสาวคนสุดท้าย  พระองค์ก็จะได้ “นางบำเรอ”  จำนวนมากมาเป็นคู่  ชีวิตหลังจากนั้น  ดูเหมือนว่าจะสับสนวุ่นวาย  สุลต่านไม่รู้แม้แต่ชื่อของหญิงทุกคนที่มาสัมพันธ์กับตนเองไม่ต้องพูดถึงความ “โรแมนติก” ที่จะได้รับจากการที่ได้กอดกับผู้หญิงที่รู้และเข้าอกเข้าใจ
 
 ไม่เป็นการดีกว่าหรือที่สุลต่านจะเลือกหญิงงามแค่สัก 7 คน  อืม..สัก 6 คนก็น่าจะพอ  เพราะการ  “ได้พัก”  สักหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์น่าจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าการ “มีความสุข” ทุกวันโดยไม่ได้พักเลย  ดังนั้น  สิ่งที่สุลต่านควรทำ ก็คือ การกำหนดตั้งแต่ต้นว่าตนต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ที่จะเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี  และมีความผูกพันที่ลึกซึ้งยาวนานพอสมควร  ไม่ใช่ความสัมพันธ์อันฉาบฉวย  จำนวนเพียง 6 คน  ไม่ใช่สาวงามเป็นสิบๆ  หรือเป็นร้อยคน
 
การเลือกสาวงามเพียง 6 คนจากจำนวน 500 คนนั้น  ถ้าจะให้สาวงามเดินแถวเรียงเข้ามาเพื่อให้พิจารณาคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ   สาวงามแต่ละคนก็มี “จุดเด่น”  และจุดด้อยกันคนละอย่างทำให้ตัดสินใจได้ยาก   เหนือสิ่งอื่นใด  สาวงามแต่ละคนต่างก็พยายาม “พรีเซ้นท์”  ตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อหวังให้ได้รับการคัดเลือก  นี่อาจจะทำให้สุลต่าน “หลง”  ไปกับสาวงามบางคนที่อาจจะไม่ได้มีคุณสมบัติที่ดีเท่าที่ควร  ถ้าเช่นนั้นสุลต่านจะทำอย่างไรดี
 
 วิธีที่จะคัดสาวงามที่จะทำให้ได้คนที่สวยและดีที่สุด ก็คือ การตั้ง “เกณฑ์” เพื่อจะตัดสาวงามที่มีคุณสมบัติบางประการไม่ถึงขั้นจะเป็นเลิศออก  ตัวอย่างเกณฑ์ข้อหนึ่ง ก็คือ  สาวที่มีความสูงไม่ถึง  170 เซนติเมตรก็ไม่ต้องเดินเข้ามาโชว์ตัว  เกณฑ์ข้ออื่น ๆ  อาจจะเป็นเรื่องของส่วนโค้งส่วนเว้าหรือคุณสมบัติอื่นๆ   ที่เป็นที่ต้องการของสุลต่าน  ยิ่งต้องการคนน้อยเท่าไรเมื่อเทียบกับจำนวนคนทั้งหมด  เกณฑ์ก็จะต้องเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น  บางทีแค่ว่าตาเล็กใหญ่ไม่เท่ากันก็ต้องถูกคัดออกแล้ว  ด้วยวิธีการแบบนี้  สุลต่านก็จะเหลือสาวงามจำนวนไม่มากที่จะพิจารณาคัดเลือก  และนางงามเหล่านี้ต่างก็จะต้องสวยสดงดงามระดับนางงามอยู่แล้ว  มิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดมาได้  ถึงขั้นนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากที่สุลต่านจะได้สาวในฝันมาบำเรอตนเอง
 
 ในชีวิตจริงเราคงไม่สามารถเลือกสาวดังกล่าว   ในชีวิตจริงนั้น   บางคนก็สามารถเลือกคู่ได้มากกว่าคนอื่น  คนที่มีทรัพย์สมบัติหรือรูปสมบัติที่ดีมากๆ   ก็มักมีแนวโน้มที่จะเลือกคนอื่นประเภท  “หล่อเลือกได้”  “รวยเลือกได้”  หรือสมัยนี้ก็อาจจะ  “สวยเลือกได้”  แต่สำหรับผมเองแล้ว  ดูเหมือนว่าชีวิตนี้มักจะออกในแนว  “ถูกเขาเลือก”  ตลอดมา   หลาย ๆ  ครั้งผมคิดว่าผมอยู่ในสถานะที่  “เสียเปรียบ”  ไม่ว่าในการทำงานหรือการใช้ชีวิต  บ่อยครั้งผม “เสนอตัว”  เพื่อที่จะให้เขาเลือก  เช่น เสนอตัวให้เขาเลือกเป็นพนักงาน  หรือเสนอตัวเพื่อให้เขาเลือกให้เราและบริษัทเราทำงานให้เขา  แต่ก็มักไม่ได้รับการคัดเลือก  ประเด็น ก็คือ  คุณสมบัติของเราไม่ดีพอ  หน้าตารูปร่างเราไม่เด่นพอ  เราไม่ได้มาจากสถาบันการศึกษาที่ดีเยี่ยมระดับโลก  อะไรต่าง ๆ  เหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องของ “โชคชะตา”  เราไม่ได้เกิดมาเป็น  “สุลต่าน”  
 
 แต่ครั้นแล้วผมก็พบว่า  ยังมีสถานที่แห่งหนึ่ง  ที่ผมสามารถทำลายความ  “ด้อย” ทุกอย่างที่ผมมี  ในสถานที่แห่งนั้น  ผมจะเป็น  “สุลต่าน”  ที่ผมจะเป็นฝ่ายที่เลือกได้ตามอำเภอใจ  ที่นั่น ก็คือ  “ตลาดหุ้น”  ทุก 10 โมงเช้า  จะมีหุ้นกว่า 500 ตัวเสนอตัวออกมาให้ผมเลือกว่าจะลงทุนซื้อหุ้นตัวไหนโดยที่ผมไม่ต้องแม้แต่จะขอร้องให้ออกมาโชว์ตัว  หุ้นกว่า 500 ตัวนี้  ผมไม่มีความจำเป็นและไม่อยากที่จะมีไว้ครอบครองเกินกว่า 10-20 ตัว  ว่าที่จริงหุ้นที่มีนัยสำคัญที่จะเป็น  “คู่แท้”  ที่ผมอยากมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนยาวนานนั้น  ผมคิดว่ามีสัก 6 ตัว ก็เพียงพอและมีความสุขแล้ว  การเกี่ยวข้องกับหุ้นจำนวนมากก็คงเหมือนกับการเกี่ยวข้องกับหญิงสาวของสุลต่าน  มันไม่มีความโรแมนติกเสียเลย
 
วิธีการคัดเลือกหุ้นของผมก็เหมือนกับการคัดตัวหญิงสาวของสุลต่าน  ผมตั้งเกณฑ์เข้มข้นว่าหุ้นประเภทไหนบ้างที่ผมไม่สนใจและจะคัดออกจากการพิจารณา  สุลต่านกำหนดว่านางงามของตนนั้นต้องสูงอย่างน้อย 170 เซนติเมตร  หุ้นของผมอาจจะต้องเป็นหุ้นที่  “โต”  หรือโตเร็ว  หุ้นที่กิจการไม่โตหรือจะเล็กลงในอนาคตผมจะตัดออก  อะไรทำนองนี้  ถ้าจะว่าไป  เกณฑ์ของผมคงจะเข้มงวดมาก  ผมคิดว่ามีหุ้นหลายร้อยตัวในตลาดที่ผมแทบไม่พิจารณาเลย  ผมทำได้  เพราะผมคิดว่า  ในตลาดหลักทรัพย์นั้น  ผมเป็น “สุลต่าน”  ไม่ว่าหุ้นจะ “สวย” แค่ไหน  ก็ไม่มีสิทธิที่จะมาเลือกผม  ผมจะเป็นคนเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อมัน   เหนือสิ่งอื่นใด  ผมต้องการหุ้นแค่ 5- 6 เท่านั้นที่จะทำให้ผมประสบความสำเร็จในการลงทุน
 
ประเด็นที่สำคัญสำหรับผม ก็คือ  ผมจะต้องตระหนักตลอดเวลาว่า  ผมจะไม่ถูกหุ้น “เลือก”   ความหมาย ก็คือ  หุ้นนั้นก็คงเหมือนหญิง 500 คนที่เสนอตัวให้สุลต่านเลือก   พวกหล่อนต้องแต่งตัวดีและยั่วเย้าเพื่อให้สุลต่านหลงเพื่อจะได้รับการเลือก   หุ้นจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์นั้น  เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับหญิงของสุลต่านที่พยายามยั่วให้คนมาซื้อ   นั่นคือ  ในทุกๆ  วันจะมีหุ้นบางตัวมีราคาและปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา  และนั่น  “ยั่ว”  ให้นักเล่นหุ้นสนใจเข้าไปร่วมซื้อขายอย่างไม่ได้พินิจพิจารณาเป็นอย่างดี  พวกเขาเข้าไปซื้อเพราะหวังกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าที่จริงเขา  “ถูกเลือก”  ให้เข้าไป  “เล่น”  ในสถานการณ์แบบนี้  โอกาสที่จะได้  “หุ้นงาม”  นั้นมีน้อย  แต่โอกาสที่จะเสียจะมีมากกว่า  น่าเสียดายที่คนเล่นหุ้นรายย่อยในตลาดนั้น  ส่วนใหญ่แล้ว  มัก “ถูกเลือก”  มากกว่าเป็น  “ผู้เลือก”

Credit: ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

No comments:

Post a Comment