Thursday, August 25, 2011

Cultural Factors แบบพี่ไทย...มันเป็นยังไงเนี่ย..?

ห่างหายไปนานเพราะมีภารกิจการอ่านเยอะมากๆๆ วันนี้มีโอกาสว่างๆเลยคิดว่าเอาเรื่อง Cultural factor มาคุยกันดีกว่า.. จริงๆเอง Cultural factors นี่มีหลายทฤษฏีมาก..มีคนพูดกันมากเพราะเป็นอะไรที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน..มีตั้งแต่ระดับตัวเองไปถึงระดับชาติว่ากันง่ายๆคือเจ้า Cultural factors นี่มันบอกว่าคนไทยๆอย่างเราๆน่ะมันนิสัยยังไงกันแน่เนี่ย..??

เดี๋ยวจะเอาทฤษฏีของ Geert Hofstede มาพูดแบบภาษาชาวบ้านดีกว่า> Hofstede นี่เทพขนาดไหนแบบว่า?? ทำวิจัยมา 30-40 ปีแล้วยังใช้ได้อยู่เลยเทพมากๆเค้ารู้ได้ไงเนี่ย??…ว่าแต่จะตรงรึเปลา..มาดูกัน..!

เริ่มเลย Cultural dimenstions แบ่งเป็น 5 ด้าน

1. Power Distance(PDI) แปลตรงตัวคร้าบคือระดับที่สังคมคาดหวังมีความแตกต่างในระดับของอำนาจ คะแนนที่สูงแสดงให้เห็นว่ามีความคาดหวังที่บุคคลบางคนใช้อำนาจมากกว่าบุคคลอื่น คะแนนที่ต่ำสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ผู้คนเห็นว่าควรมีสิทธิ์เท่าๆ กัน….ให้ทายว่าพี่ไทยเราเป็นยังไง???  PDI นี่เดี๋ยวเฉลยคร้าบ..!

2. Individualism (IDV) อันนี้โยงถึงความมากน้อยที่ผู้คนคาดหวังที่จะยอมให้ได้สำหรับตนเอง หรือจะยอมเป็นส่วนขององค์การ ..เอาง่ายๆแบบนี้มันแปลว่าสันโดดรึเปล่าหรือเอาพวกพ้อง…..อันนี้เกี่ยวกะด้านต่อไปข้างล่างคร้าบ..

3. Uncertainty Avoidance Index (UAI) คือการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนสะท้อนให้เห็นความมากน้อยที่สังคมหนึ่งๆ ยอมรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน..555 น่าจะพอเดาได้ว่าพี่ไทยนี้เป็นยังไง..

ที่เหลืออีก2ด้านก็ Masculinity (MAS) กะ Long-Term Orientation (LTO) ไม่พูดถึงนะคร้าบ

พี่ไทยนี่มีด้าน PDI กะ UAI สูงคร้าบแปลว่าอะไร??ยกตัวอย่าง ผู้บริหารทั่วๆไปเค้ามักจะมีลำดับขั้นเยอะในการสั่งการว่ากันง่ายๆๆใช้ Power เยอะคร้าบถามว่าดีไหม..? ดีคร้าบในบางด้านเช่น Project manager แต่ปัญหามันมาอยู่ที่นี่ซิคร้าบว่า ไอ้เจ้า UAI ของเรามันดันสูงด้วยนั่นซิ..!!!! หมายถึง>>…อะไรก็ไดวุ้ยอย่ามายุ่งหรือมาถึงตัวก็พอ…555….เป็นอย่างนี้จริงๆๆพี่ไทย>> นี่ตามงานวิจัยพี่ไทยจะทำอะไรเอาอะไรก็ไดทั้งนั้นตราบใดก็ตามที่ตัวเองรอด…## มีคนบอกว่าชาติอื่นก็เป็นใช่คร้าบแต่มันต้องดู score ว่าใครมากกว่ากัน..

อีกด้านนึงคือ IDV พี่ไทยเราได้คะแนน้อยสุดคร้าบเนื่องจากมีความรักพวกพ้องสูงคร้าบยกตัวอย่างนึงที่น่าสังเกตุคร้าบวงการITน่ะ พวก software engineer ส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ มันกลับกันด้าน IDV คือมันมีความเป็นตัวของตัวเองสูง..จะทำงานได้ดีนี่ต้องให้พวกนี้มีพื้นที่ IDV สูงๆ

พูดมาถึงตรงนี้น่าจะพอเห็นภาพนะคร้าบว่า.ปัญหามันอยู่ตรงนี้ว่าถ้าใครบริหารแบบนิสัยพี่ไทยคือ ผู้บริหารลำดับขั้นเยอะใช้ อำนาจเยอะแถมแสดงออกชัดว่าเอาพวกพ้องตัวเองในแวดวง ITแล้ว..ลูกน้องในทีสุดจะสัมผัสได้เค้าฟังคร้าบแต่อาจจะไม่เชื่อเพราะยอมแบบว่าหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนที่อาจะเกิดขึ้นกะตัวเองอ่ะ (UAI สูงแบบพี่ไทย 555)..ในที่สุดจะเกิดปัญหาการเมืองภายในคร้าบ..แบบว่าพวกฉันหรือพวกเธอ?? ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อองค์กรคร้าบวิธิดูว่าองค์กรไหนเป็นแบบนี้งานวิจัยเค้าว่าให้สังเกตุว่า..ทุกอย่างจะเป็นเอกสารหมดแบบว่าอะไรๆก็ document แล้วก็การตัดสินใจนี่centralize คร้าบคือแบบว่าศูนย์กลางอำนาจ.. คงพอมองเห็นนะคร้าบว่า พวก software engineer อ่ะเค้าจะอยู่ได้ไหมถ้าเจอ Cultural factors แบบนี้..555

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีสูตรอะไรตายตัวว่าแบบไหนดี..สำคัญคือเราต้องหา cultural ขององค์กรเราให้เจอ ..ว่าคนทำงานเมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วกลายเป็น cultural แบบไหน?? ถ้าวิเคราะห์ได้แล้วว่า culture องค์กรเรามีด้านไหนเด่นด้านไหนเป็นแบบไหนแล้วการบริหารและทิศทางรวมถึงทัศนคติจะไปในทิศทางเดียวกันได้ดี
เห็น Cultural dimensions ตามนี้แล้วไม่แปลกใจเลยคร้าบว่าทำไมพี่ไทยเรามีกีฬาสีบ่อย..555.เดี๋ยวแดงมาเดี๋ยวเหลืองมา..หุหุมันเป็น cultural factors ของพี่ไทยเราอยู่แล้วเพียงแต่มีเหตุการณ์อื่นๆในช่วงนั้นๆมากระตุ้นไม่ว่าเริองนั้นจะเป็นการเมือง,เศรษฐกิจ,สังคม,..เยอะเยะ..เพราะฉะนั้นอย่าไป serious มากคร้าบเวลาเราเจอเริ่องพวกนี้หุหุ..มันเป็นธรรมดา ที่ไหนก็มี cultural factors ในแบบของตัวเองว่าแต่อย่าส่งเสริมผิดด้านล่ะ>> ไมงั้นเดี๋ยวมีกีฬาสีย่อยๆในองค์กรให้ดู…555
Kumpol [Aug-2011]

4 comments:

  1. ชอบมากพี่เอ ได้แง่คิด สุดยอดฮะ รออ่านเรื่องต่อๆไป ^^
    ..........From AeY

    ReplyDelete
  2. เพิ่งเรียนมาหมาดๆเรยกั๊บ กำลังถกเถียงว่า ทฤษฏีนี้มันยัง applicable in contemporary management อิอิ

    ReplyDelete