Saturday, September 24, 2011

หมดยุคหุ้นวัฏจักร โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

การลงทุนในหุ้นวัฎจักร นั่นคือหุ้นของกิจการที่มีผลการดำเนินงานที่ขึ้นลงเป็นรอบ ๆ รอบละหลายปีนั้นเป็นศิลปะที่ผมคิดว่าต้องอาศัยความสามารถและพลังของจิตใจแบบสุดยอด คนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะประสบความสำเร็จสุดยอด ตรงกันข้าม คนที่ล้มเหลวก็จะเสียหายหนักไม่แพ้กัน ผมคิดว่าคนที่สำเร็จน่าจะต้องเป็นคนที่รู้จักธุรกิจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับการที่ต้องรู้จักเรื่องพฤติกรรมของหุ้นในกลุ่มนี้ ส่วนคนที่ล้มเหลวก็น่าจะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยหรือรู้ไม่ครบทั้งเรื่องของกิจการและพฤติกรรมของหุ้น

ลองมาดูกรณีของหุ้นอะโรเมติกส์หรือ ATC ซึ่งผมคิดว่าเป็นหุ้นวัฎจักรตัวหนึ่งที่สามารถที่จะเป็นตัวแทนของหุ้นวัฎจักรได้ค่อนข้างดี โดยบริษัทนี้ผลิตสินค้าปิโตรเคมีหลายชนิดที่มักมีราคาขึ้นลงเป็นวัฎจักร

ถ้าคุณติดตามบริษัทมานานพอคุณจะรู้ว่าบริษัทประสบกับความยากลำบากมานานหลายปีนับจากปีที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจคือปี 2540 ซึ่งบริษัทขาดทุนกว่าหมื่นล้านบาทซึ่งน่าจะเป็นผลจากการลดค่าเงินบาทที่ทำให้บริษัทขาดทุนมหาศาล หลังจากนั้นบริษัทก็มักจะขาดทุนมาเกือบทุกปี ปีละหลายพันล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากลงทุนในหุ้นที่ประสบปัญหาผลการดำเนินงานอย่างนั้น แต่ถ้าพอถึงสิ้นปี 2544 คุณรู้ว่าราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเริ่มปรับตัวดีขึ้นและผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2545 คุณตัดสินใจซื้อหุ้น ATC ที่ราคาประมาณ 2.3 บาท

ปี 2545 ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นตามคาด ถึงสิ้นปีการขาดทุนของบริษัทลดลงเหลือเพียงประมาณ 200 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเป็นประมาณ 5.2 บาท คุณสามารถทำกำไรได้ 126% ในเวลาเพียง 1 ปี นี่เป็นการใช้ความรู้ในเรื่องของธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ขายหรือซื้อสินค้าของบริษัท หรือจะเป็นฝ่ายบัญชี หรืออาจจะเป็นเพราะคุณทราบมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของการวิเคราะห์เรื่องความถูกหรือแพงของหุ้นเลย ว่าที่จริงถ้าคุณใช้สูตรในการคิดคำนวณราคาหุ้นต่าง ๆ ผลก็จะออกมาว่าราคาหุ้นที่ 2.3 บาทนั้นเป็นราคาที่แพงเกินไป ค่า PE ยังติดลบ ปันผลก็ยังไม่จ่าย และอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้คุณสรุปว่าหุ้นยังไม่น่าซื้อ

ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาซื้อหุ้นในตอนสิ้นปี 2544 เพราะคุณดูงบกำไรขาดทุนของบริษัทและพบว่าบริษัทยังขาดทุนถึงกว่า 3,500 ล้านบาท และคุณก็ไม่รู้ว่าราคาปิโตรเคมีกำลังเพิ่มขึ้น แต่คุณมาเห็นว่าเมื่อสิ้นปี 2545 บริษัทมีขาดทุนเพียงประมาณ 200 ล้านบาทและคุณเชื่อว่าราคาปิโตรเคมีน่าจะเป็น “ขาขึ้น” แล้ว คุณจึงตัดสินใจซื้อหุ้น ATC ที่ราคาหุ้นละ 5.2 และถือไว้จนถึงสิ้นปี 2546 คุณก็จะได้กำไรถึง 1,121 % หรือ 11.21 เท่าในเวลาเพียงปีเดียวเพราะราคาหุ้น ATC เพิ่มขึ้นเป็น 63.5 บาทต่อหุ้น และถ้าคุณเป็นคนเดียวกับคนที่รู้เรื่องปิโตรเคมีดีที่ซื้อหุ้นตั้งแต่สิ้นปี 2544 คุณก็ได้กำไรถึง 26.6 เท่าในเวลาเพียง 2 ปี

ผลการดำเนินงานของปี 2546 ของบริษัทดีกว่าที่ทุกคนคาด บริษัทมีกำไรถึงประมาณ 4,000 ล้านบาท และแนวโน้มของราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นทุกคนคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง นักวิเคราะห์เกือบทุกคนแนะนำให้ซื้อ สถาบันลงทุนต่างก็ต้องมีหุ้นตัวนี้เก็บเข้าพอร์ต หุ้นตัวนี้เป็น “ดาว” อย่างแท้จริง นักลงทุนทั่วไปต่างก็เข้ามาซื้อที่ราคา 63.5 บาทโดยหวังว่าจะได้กำไรอย่างรวดเร็ว เป้าหมายราคานั้น “100 บาทก็อาจจะไม่แพง” เมื่อคำนึงถึง “การเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดและอนาคตที่สดใส”

ผลการดำเนินงานในปี 2547 ของบริษัทเป็นไปตามคาดหรือน่าจะพูดว่าดีกว่าที่คาดไว้มาก เพราะบริษัททำกำไรถึงกว่า 10,000 ล้านบาท จากยอดขายกว่า 50,000 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหน สิ้นปี 2547 ราคาหุ้นอยู่ที่ 62.5 บาท ขาดทุนอยู่ 1-2% แต่หลาย ๆ แห่งก็ยังแนะนำให้ซื้อเพราะเมื่อดูตาม “พื้นฐาน” แล้ว หุ้นมีราคาถูกมาก ค่า PE เหลือเพียง 5.8 เท่า แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์จะอ่อนตัวลงบ้าง แต่กำไรก็ยังน่าจะสูงมากอยู่ดี คนที่ซื้อไว้ก็ยังไม่ถอย Value Investor หลายคนเข้ามาซื้อเพราะหุ้นทั้ง “ถูกสุดยอดและดี กำไรลดยังไงก็คุ้ม”

กำไรในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทยังดีตามคาด และแม้ว่าจะลดลงจากปี 2547 แต่ก็ยังสูงถึง 4,544 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นถึง 4.71 บาท แต่ราคาหุ้นของบริษัทกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 33.5 บาท เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2548 หรือลดลงไปจากสิ้นปีที่แล้วถึง 46.4% และนี่คือผลของการวิเคราะห์หุ้นวัฎจักรโดยใช้วิธีการวิเคราะห์หุ้นแบบปกติ และทำโดยคนที่ไม่รู้จักธุรกิจและพฤติกรรมของหุ้นกลุ่มนี้

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าหุ้น ATC ในขณะนี้ถูก หรือแพง หรือแนะนำให้ซื้อหรือขาย แต่ประการใดทั้งสิ้น เพราะผมเองไม่มีความสามารถจะบอกได้เนื่องจากไม่รู้จักธุรกิจนี้ดีพอ แต่ในแง่ของพฤติกรรมหุ้นนั้น ผมคิดว่า เราไม่สามารถหวังว่าหุ้นจะขึ้นไปรุนแรงอย่างที่มันเคยเป็นในช่วงดีดตัวขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนวัฎจักร แต่ถ้าถามว่า “ขาลง” ของหุ้นสิ้นสุดหรือยัง คำตอบก็แบบเดิมนั่นคือ บอกไม่ได้ เพราะราคาของหุ้นวัฎจักรนั้น มันไม่ได้ตามวัฎจักรของราคาผลิตภัณฑ์ในเวลาที่ตรงกัน เกมของหุ้นวัฎจักรนั้นเป็นเกมที่ ความเสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในฐานะไหนของเกม

No comments:

Post a Comment