Monday, November 14, 2011

มุมมองน่ารักเรื่อง "น้องน้ำ" จาก "ตัน ภาสกรนที - ประภาส ชลศรานนท์" และ "นิ้วกลม"

มุมมองน่ารักเรื่อง "น้องน้ำ" จาก "ตัน ภาสกรนที-ประภาส ชลศรานนท์" และ "นิ้วกลม"
ในเฟซบุ้คของคนดัง 3 คน "ตัน ภาสกรนที-ประภาส ชลศรานนท์"และ "นิ้วกลม" ก็เหมือนกับเฟซบุ้คทั่วไปในช่วงนี้ คือเขียนถึงเรื่อง"น้ำท่วม"

แต่ละคนก็มีแง่มุมแตกต่างกัน ที่เหมือนกันก็คือ แง่มุมที่คมคายและการให้กำลังใจ
เริ่มจาก "ตัน"
หลังโรงงานอิชิตันที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เจอ"น้องน้ำ"มาเยือน "ตัน"เขียนเรื่อง"สำนึกและความเกรงใจ"ลงในเฟซบุ้คของเขา
"ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นธรรมชาติได้ น้ำมาแล้วมันก็ต้องมีที่ให้ไป มาเร็วก็ไปเร็ว ขอให้ชาวกรุงเทพยอมรับและทำใจให้อยู่กับความเป็นจริง..เรายังไม่ได้เศษเสี้ยวความทุกข์ของคนต่างจังหวัด...เตรียมตัวรับมือให้พร้อมครับ โลกพยายามเตือนเรา
หลายครั้งว่าเขาทนไม่ไหวแล้ว บางครั้งพูดเสียงเบาๆ ผ่านปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนขึ้นทุกวัน

บางครั้งตะโกนดังๆ ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหว มหันตภัยน้ำท่วม พายุทอร์นาโด ฯลฯ แต่เราไม่ได้ยิน หรือ...แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ถ้าเรายังนิ่งเฉยต่อเสียงตะโกนของโลก วันหนึ่งโลกคงต้องทวงคืนทุกสิ่งที่เขาให้เรามา ยิ่งเราใช้ทรัพยากรอย่างไม่เกรงใจธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะยิ่งเอาคืนจากเราเท่านั้น

ความเกรงใจนี่สำคัญมากนะครับกับการอยู่ร่วมกันของทุกสรรพสิ่งบนโลกกลมๆใบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ร่วมในองค์กร อยู่ร่วมกันในครอบครัว และสังคม"


ส่วน "นิ้วกลม"นั้น มีแง่มุมน่ารักและน่าคิด

เริ่มจากเขียนเรื่อง"ความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์

"วันแรก...ขอให้ไม่ท่วมบ้านของเราด้วยเถิ้ด
วันที่สอง...เอาวะ ท่วมก็ไม่เป็นไร ขอให้รถยังวิ่งได้ด้วยเถิ้ด
วันที่สาม...ไม่มีรถก็ไม่เป็นไร ขอให้อย่าเข้าบ้านเราเลยเถิ้ด
วันที่สี่...เข้าบ้านก็ไม่เป็นไร ขอให้อย่าเกินเอวเลยเถิ้ด
วันที่ห้า...เกินเอวก็ช่างมัน ขอให้อย่าถึงชั้นสองเลยเถิ้ด
วันที่หก...ถึงชั้นสองก็ปลงได้แล้วแหละ ขออย่าให้ท่วมนานเลยเถิ้ด
วันที่เจ็ด...ท่วมนานก็ไม่เป็นไร เอาน่า อย่างน้อยเราก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้"

ก่อนจะสรุปว่า "ดูเหมือนน้ำค่อยๆ จัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตของเราไปตามระดับน้ำที่ค่อยๆ สูงขึ้น"
อีกเรื่องหนึ่งที่น่ารัก เป็นเรื่องที่เขาได้พบคนพา "น้องหมา" หนีน้ำ "
บางคนบอกว่า ถึงเวลาน้ำท่วมแบบนี้ หมาแมวเป็นภาระ แต่เวลาที่ได้เห็นผู้คนเดินลุยน้ำเท่าเอวแล้วลากแพที่ให้บรรดาหมาๆ ทั้งหลายยืนแห้งอยู่บนแพก็รู้สึกว่าพวกเขาเป็นเจ้าของที่น่ารักดีจริงๆ

เมื่อเราทักคุณพี่คนหนึ่งว่า "ดีนะพี่ ไม่ทิ้งมัน"  แกก็ตอบว่า "โอย ไม่ทิ้งหรอก เลี้ยงมันแล้ว มันก็เป็นครอบครัวเราเหมือนกัน ทิ้งกันไม่ได้หรอก

ในเวลาน้ำท่วม สิ่งที่เป็น "ภาระ" ก็คือสิ่งที่เรา "รัก" นั่นเอง"
ในขณะที่ทุกคนมองแค่ความทุกข์ในวันนี้ "นิ้วกลม"มองไกลไปในอนาคตว่าวันหนึ่งทุกคนคุยกับเรื่องวันนี้ บางทีความรู้สึกของแต่ละคนต่อ"วันนี้"อาจพลิกเปลี่ยนไป

"คิดเล่นๆ แบบเพี้ยนๆ ว่า อีกสิบปีข้างหน้า พอเพื่อนๆ นั่งล้อมลงคุยกันถึงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 อย่างเมามัน
วันนั้นคนที่ไม่โดนน้ำท่วมจะเซ็งๆ นิดหน่อย เพราะไม่มีเรื่องเล่าว่าตอนนั้นเป็นไงบ้าง และพูดออกมาแบบจ๋อยๆ ว่า

"บ้านกูไม่โดนว่ะ ชีวิตปกติมากเลย"
แล้วก็ได้แต่นั่งฟังเพื่อนๆ เล่าอดีตอันโหดร้ายอย่างสนุกสนานอยู่เงียบๆ"  (ฮ่าฮ่า เป็นการปลอบใจตัวเองซึ่งโดนน้ำท่วมไปพลางๆ)

ช่วงที่ผ่านมา"นิ้วกลม"ไปร่วมกับหน่วยงานต่างๆช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาโดยตลอด เขาไปพบกับประสบการณ์น่ารักมากมาย อย่างครั้งนี้...

"วันนี้แวะไปที่บ้านตัวเอง ด้านนอกน้ำท่วมตาตุ่มแล้ว คาดว่ามีสิทธิถึงเข่า เห็นแล้วก็ตกใจ ตอนบ่ายไปที่พุทธมณฑลสาย 2 เดินเข้าหมู่บ้านกับพี่ๆ หน่วยกู้ภัยอาสา "บอยทาร์ซาน" ระดับน้ำท่วมเอว คุณน้าคนหนึ่งอพยพออกจากบ้าน เดินออกมาปากซอยด้วยกัน ถามแกว่ารู้สึกยังไงบ้าง  แกบอกว่า  "ไม่เป็นไร คนอื่นเขาลำบากกว่าเราเยอะ"
ส่วน "ประภาส ชลศรานนท์"นั้น นอกจาก"มุข"เรื่องน้ำท่วมแล้ว เขายังมีแง่คิดที่คมคายเช่นเดิม

มีอยู่เพียงหกพยางค์เท่านั้นที่เป็นบทสรุปสำหรับชีวิต
ไม่ว่าจะกอดคอกันร้องไห้หรือร้องเพลงฉลองชัย ไม่ว่าจะน้ำท่วมถึงไหล่หรือแห้งผากเป็นฝุนผง ....ชีวิตดำเนินต่อไป"

หรืออีกเรื่องหนึ่งที่งดงามยิ่งและเป็น"สัจธรรมชีวิต"ของคนที่ไม่ยอมแพ้ "ประภาส"ยกคำพูดของ"ผู้หญิง"คนหนึ่งเตือนใจทุกคน
ไม่ใช่คำพูดของ"ผู้หญิง"ที่เป็น"นายกรัฐมนตรี" แต่เป็น"เมีย"คนขายก๋วยเตี๋ยว
"วันก่อนได้ยินอาเฮียคนขายก๋วยเตี๋ยวพูดกับเมียว่า "ประเทศไทยกำลังจะเจ๊งแล้ว"  คนในร้านฟังแล้วใจเสียกันหมด ผมชอบที่อาซ้อตอบอาเฮียว่า "เจ๊งก็ตั้งตัวใหม่ได้"

"ประภาส"ตบท้ายด้วยการให้กำลังใจทุกคนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กทม. กองทัพ และอาสาสมัครทุกคน

ครับ. สำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้ 
"การเริ่มต้น"ก็เป็นเพียงก้าวหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่"ความพ่ายแพ้"

No comments:

Post a Comment