Thursday, November 17, 2011

ข้อคิดการลงทุนจาก Sir John Templeton

John Templeton ได้จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ตอนอายุ 95 ปี ท่านได้รับการยอมรับว่าเป็นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ต่อไปนี้คือข้อคิดบางส่วนของท่านครับ
ความมุมานะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างผลตอบแทนแบบเหนือชั้น
สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือสามัญสำนึก อย่าให้ตัวเองได้รับอิทธิพลจากความกระตือรือร้น
อย่าให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยความสิ้นหวัง อย่าซื้อหุ้นที่คุณไม่เข้าใจ ศึกษาหุ้นที่คุณต้องการซื้อไว้ล่วงหน้าเสมอ วางแผนระยะยาว บอกตัวเองไว้ล่วงหน้าเลยว่าจะต้องพบเจอภาวะตลาดหมี
เราไม่สามารถคาดการณ์วัฏจักรธุรกิจหรือตลาดหุ้นได้ และเราก็ไม่เคยเจอคนที่สามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องมากกว่า 60% เรามักจะบอกลูกค้าว่า อย่าไปกังวลกับเรื่องพวกนี้ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ ตลาดหมีและความถดถอยทางธุรกิจจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เพียงแต่คุณไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไรเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เตรียมตัวทางการเงินไว้ อย่าเป็นหนี้เพราะมันอาจทำให้คุณต้องออกจากตลาดผิดเวลามันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ยังไงซะ ผมก็ไม่อยากจะก่อหนี้อยู่ดี
อีกอย่าง คุณต้องเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณตื่นตระหนกผิดเวลาและขายหุ้นออกไปแบบโง่ๆ ถ้าคุณได้เตรียมตัวและรู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องเจอตลาดหมีและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ คุณไม่เพียงจะมองมันอย่างไร้กังวล แต่คุณจะถือมันเป็นโอกาสอีกด้วย
กระบวนการคัดเลือกหุ้นมีความซับซ้อน นักลงทุนผู้ชาญฉลาดไม่อาจลงมือทำแบบเดียวกับนักลงทุนคนอื่นๆได้ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่การลงทุนมีความแตกต่างไปจากอาชีพอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าหมอสิบคนให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรค การปฏิบัติตามความเห็นส่วนใหญ่น่าจะให้ผลดี หรือหากวิศวกรสิบคนเห็นชอบกับการออกแบบสะพาน เราก็น่าจะสร้างสะพานตามแบบนั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้านักวิเคราะห์สิบคนบอกให้เราซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง การซื้อหุ้นตัวนั้นอาจจะเป็นความผิดพลาดได้….จะว่าไปแล้ว ถ้าเมื่อไรก็ตาม แทบทุกคนแนะนำเหมือนกันไปหมด อย่าไปทำแบบนั้นเชียว
จะให้ดี เราต้องซื้อหุ้นที่กำลังตกต่ำ ราคาหุ้นจะอยู่ในระดับถูกได้ก็เพราะมันมีแรงขายหนักๆ ดังนั้น ในการลงทุน ถ้าคุณอยากได้หุ้นถูกซึ่งจะให้ผลตอบแทนดีๆในระยะยาว คุณต้องพร้อมทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ บางคนคิดว่าเราเป็นพวกชอบทำอะไรสวนทางกับคนส่วนใหญ่ จริงๆแล้ว เราคิดว่าเราชอบช่วยเหลือคนอื่นซะมากกว่า ตอนคนตกใจหนีตายขายหุ้นออกมา เราก็พวกเขาช่วยรับซื้อหุ้นเอาไว้ ตอนคนตื่นเต้นกลัวตกรถและรีบไล่ราคาหุ้น เราก็ช่วยขายหุ้นให้
จำไว้ว่าตลาดกระทิงถือกำเนิดขึ้นในยามที่ผู้คนล้วนสิ้นหวัง เติบโตขึ้นท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัย
โตเต็มที่ตอนที่ใครๆก็พากันมองโลกในแง่ดี และตายสนิทเมื่อความหวังลมๆแล้งๆปกคลุมตลาด
จังหวะซื้อคือตอนที่มีการมองแง่ร้ายแบบสุดๆราวกับโลกจะแตกฟ้าจะถล่มน้ำจะท่วมโลก จังหวะขายคือตอนที่ใครๆก็พากันนั่งฝันหวานหลับตาพริ้มและยิ้มกริ่ม

No comments:

Post a Comment